สาระน่ารู้
กรมประชาสัมพันธ์ เปิดเผย ทองเค คืออะไร ต่างกันอย่างไร
ทองเค คืออะไร ต่างกันอย่างไร
ทองเค คือ ทองที่มีส่วนผสมของของโลหะอื่น เช่น เงิน ทองแดง ผสมในตัวทองบริสุทธิ์เพื่อให้สามารถขึ้นรูปทรงได้ โดยทองเคมีหลายชนิด แตกต่างกันไปตามสัดส่วนของทองที่ผสมอยู่ ซึ่งทองเคแต่ละชนิดจะมีราคาที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับปริมาณทองคำที่ผสมในแต่ละชนิด เช่น ทอง 9k, ทอง 18k, ทอง 23k และ ทอง 24k
ส่วนตัว k ที่อยู่ท้ายตัวเลข คือหน่วยค่าความบริสุทธิ์ของทอง ที่ย่อมากจาก Karat หรือ กะรัต และตัวเลขข้างหน้า เช่น ทอง 9k, ทอง 18k, ทอง 23k หรือว่าทอง 24k คือตัวเลขที่ใช้บอกว่ามีส่วนผสมของทองอยู่กี่เปอร์เซ็นต์
ถ้าเราอยากรู้ว่าทองเคแต่ละชนิดมีส่วนผสมของทองอยู่กี่เปอร์เซ็นต์ สามารถคำนวณง่ายๆได้โดยเอาตัวเลขหน้า K หารด้วย 24 และคูณด้วย 100 เช่น
-
ทอง 9k = 9 / 24 x 100 ก็จะได้เท่ากับ 37.50
-
หรือแปลว่า ทอง 9k มีส่วนผสมของทองอยู่ 37.50%
-
-
ทอง 18k = 18 / 24 x 100 ก็จะได้เท่ากับ 75.00
-
หรือแปลว่า ทอง 18k มีส่วนผสมของทองอยู่ 75%
-
-
ทอง 23k = 23/24 x100
-
หรือแปลว่า ทอง 23k มีส่วนผสมของทองอยู่ 96.5%
-
-
ทอง 24k = 24 / 24 x 100 ก็จะได้เท่ากับ 100 %
-
แปลว่า ทอง 24k มีส่วนผสมของทองอยู่ 99.99%
-
จุดเด่นของทองเคแต่ละชนิด
1. ทอง 24k หลายคนอาจคิดว่าเป็นทองดีที่สุดเพราะเป็นทอง 99.99% แต่ขอบอกเลยว่าไม่ใช่เสมอไป เพราะทอง 24k คือทองบริสุทธิ์ ซึ่งมีเนื้ออ่อนมากจนอาจบิดเบี้ยว ผิดรูปหรือน้ำหนักทองอาจหายไปได้ และไม่สามารถขึ้นรูปเป็นเครื่องประดับได้ เราจึงนิยมนำทอง 24k มาทำเป็นทองแท่งหรือทองรูปพรรณมากกว่า
2. ทอง 23k ซึ่งมีเปอร์เซ็นทองอยู่ที่ 96.5% เป็นทองที่ร้านทองส่วนใหญ่นิยมนำมาขึ้นรูปเป็นทองรูปพรรณขายตามหน้าร้าน เพราะเป็นทองที่มีความแข็งแรงในระดับนำมาสวมใส่ใช้งานได้ และผสมเนื้อทองอยู่ในปริมาณมากที่สุด เมื่อเทียบกับทองเคอื่นๆ ที่ใช้ทำเครื่องประดับ อย่างเช่น ทอง 18k, ทอง 9k
3. ทอง 18k คือทองที่นิยมนำมาทำเป็นเครื่องประดับมากที่สุด มีความแข็งแรงพอดี สามารถทำเป็นสีอื่นๆได้ เช่น White Gold หรือ Pink Gold มีความคงทนและมีเนื้อเงางาม และเป็นมาตรฐานทองขั้นต่ำที่ขายในประเทศอิตาลีอีกด้วย
4. ทอง 9k คือทองที่มีส่วนผสมของทองไม่เยอะแต่ก็เป็นทองที่ได้รับความนิยมในประเทศอังกฤษและออสเตรเลีย เพราะมีสีสวย น้ำหนักเบา แข็งแรง นำมาขึ้นรูปได้สวยมาก จะทำเป็นเส้นใหญ่ๆหรือทำให้บางก็ได้ตามที่ต้องการ ให้ลายคมชัด และขัดให้เงาได้ ในประเทศไทยจึงนิยมนำมาทำเป็นตัวเรือนแหวนเพชร หรือทำเป็นตัวเรือนแหวนประดับพลอย
ที่มา : https://www.prd.go.th/th/content/category/detail/id/8/cid/31/iid/327263